Stmeen's Blog


Professional Practice II [Field Trip 07-09 Jul 2009]
July 21, 2009, 3:59 pm
Filed under: Uncategorized

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม 2552
วันนี้ข้าพเจ้าและเพื่อนในกลุ่มตื่นเช้ากว่าวันที่ผ่านๆมา ยังเห็นผู้คนใส่บาตร เพราะร้านก๋วยจั๊บที่กำลังจะไปทานนั้น อาจารย์บอกมาว่าคิวยาว “ป้อก๋วยจั๊บ” หน้าสถานีรถไฟลำปาง


ข้าพเจ้าสั่งก๋วยจั๊บธรรมดาไปหนึ่งที่ แต่เพราะคิวเยอะและยาว ทำให้ได้เกาเหลามาแทน แต่เนื่องจากข้าพเจ้ายังอยากทานก๋วยจั๊บจริงๆ สุดท้ายที่ร้านก็เลยลวกเส้นมาให้อีกถ้วยแทน รสชาติอร่อย ไม่จืดเหมือนอาหารเหนือที่เคยลองทานมาหลายวัน สมแล้วที่คิวยาว กินไปซักครู่คนรอบๆก็ลุกขึ้นยืนกันหมด เสียงเพลงชาติดังมาจากสถานีรถไฟนั่นเอง ข้าพเจ้าจึงยืนเคารพธงชาติและแอบถ่ายรูปบรรยากาศที่หาดูได้ยากเช่นนี้มาสองสามรูป

วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส แดดออกจะแรงไปเสียด้วยซ้ำ แต่ข้าพเจ้ารู้สึกดีกว่าเวลาที่ฝนตก เพราะหลังจากข้าพเจ้าตากฝน และลม(ตอนนั่งในรถบัส) หวัดก็เริ่มทำร้าย สถานที่แรกที่ไปถึงวันนี้คือ
วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม(พระบรมธาตุดอนเต้า) อ.เมือง จ.ลำปาง

อุโบสถวัดสุชาดาราม เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาฝีมือช่างเชียงแสน เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ประดับด้วยภาพลงรักปิดทอง

ช่องเปิดที่มีเอกลักษณ์ ไม่ใช่แค่หน้าต่างบานกรอบ

สังเกตได้ว่าก่อนจะถึงตัวเจดีย์ จะมีลานกว้าง และมีเส้นทางนำสายตาทำให้คนที่เข้ามามักจะเดินเข้าทางซ้ายก่อน และข้าพเจ้าได้มองด้วยสายตาตัวเองก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คนทุกคนที่เดินเข้าไป เลี้ยวซ้ายทั้งหมด เป็นอะไรที่ คนเราไม่รู้ตัวจริงๆ

คำถามจากใครซักคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า ทำไมสิงห์หรือพญานาคต้องอ้าปาก อาจารย์จิ๋วก็บอกว่า เพราะเวลาสัตว์แสดงอำนาจในการขู่ ก็ต้องอ้าปากและส่งเสียงคำราม เพราะฉะนั้น นี่คงเป็นสาเหตุที่ไปที่ไหน ทั้งสิงห์ทั้งนาคก็ต้องอ้าปากกว้างจนเห็นลิ้นไปตามๆกัน ไม่เว้นสิงห์หน้าพระบรมธาตุดอนเต้า

วัดปงสนุก

วัดปงสนุกเป็นวัดเก่าแก่มากแห่งหนึ่ง เคยเป็นที่ฝังเสาหลักเมืองหลังแรก แต่ปัจจุบันได้ถูกย้ายออกไปแล้ว
วิหารพระเจ้าพันองค์ถือเป็นวิหารที่มีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์มาก ทั้งการตกแต่งแบบโฟล์ค พื้นถิ่น โดยใช้ฝีมือของชาวบ้านที่ไม่ประณีตมากนัก สีสันหลากหลาย รวมไปถึงหลังคาที่เชิดขึ้นทำให้ดูมีเสน่ห์ขึ้นอีก รายละเอียดโครงสร้างที่มีก็ต่างออกไปจากที่อื่นๆ
เซียมซียุคใหม่

วัดศรีรองเมือง(วัดท่าคราวน้อยพะม่า)

วัดศรีรองเมือง ถูกสร้างโดยช่างชาวพม่า ปัจจุบันมีอายุถึง 100 ปี เสา ฝ้าเพดาน ถูกตกแต่งไว้ด้วยลวดลายวิจิตรงดงาม จนกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ
ตัววิหารสร้างด้วยไม้สัก หลังคาซ้อนชั้นเห็นได้เด่นชัดเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น มีลายฉลุประดับหน้าจั่วและเชิงชายคา ดูอ่อนช้อยกว่าที่อื่นๆ รวมทั้งสีทองตัดกับสีน้ำตาลแดง

ภายในวิหาร ตกแต่งไว้อย่างวิจิตร เสาประดับประดาด้วยปั้นรักและกระจกหลากสีสะท้อนแสง
เพดานมีการตกแต่งด้วยกรอบลาย เป็นเส้นลวดลายต่างๆ รวมทั้งกระจกสีหลากหลาย

กำแพงฉาบปูนบางส่วนพังทลายลง เหลือให้เห็นอิฐข้างใน

ห้องส้วมแบบพม่า

ต่อจากนั้นก็แวะบ้านพื้นถิ่นข้างทาง
หลังแรกเป็นบ้านช่างไม้เก่า มีคุณยายอาศัยอยู่คนเดียว หน้าบ้านมีข้อความระบุว่า พ.ศ. 2482

ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นเรือนไทยพื้นถิ่นที่มีความประณีต เนี้ยบ ทุกอย่าง ทั้งการเข้าเดือย เข้ามุม ปิดขอบอย่างดีไม่มีขาดเกิน

ระหว่างทางก็ได้เห็นบ้านที่มีรั้วระเบียงเป็นตัวโนตดนตรี ข้าพเจ้าคิดว่าเจ้าของบ้านคงจะขายเครื่องดนตรีหรือเป็นนักดนตรี แต่ก็เหลือบไปเห็นว่า เป็นร้านขายของต่างหาก

บ้านยองโบราณ บ้านอนุรักษ์ดีเด่น จ.ลำพูน

คุณยายท่าทางใจดีหรือ แม่บัวลา ใจจิตร ยืนต้อนรับอยู่บนเรือน และพร้อมให้ถ่ายรูปเสมอ ข้าพเจ้าเดินสำรวจไปรอบๆบ้าน ก่อนจะขึ้นไปด้านบนและทักทายคุณยาย คุณยายเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังถึงคุณปู่ที่เป็นผู้สร้าง และออกแบบบ้านหลังนี้ และต่อมาได้มีการต่อยุ้งฉางเพิ่มอีก เพื่อการใช้งาน
นอกจากนั้นท่านยังเล่าเรื่องอื่นๆให้ฟัง ไม่ว่าจะมีคนจากหนังสือพิมพ์มาสัมภาษณ์ คนในวังมาเยี่ยมชม หรือแม้กระทั่งรายการของพี่หนูแหม่มที่มาถ่ายทำที่นี่ แต่สิ่งที่คุณยายดูจะปลื้มเป็นที่สุดคือ พี่หนูแหม่มยังคงโทรศัพท์มาหา ถามสารทุกข์สุขดิบ

เมื่อเล่าถึงครอบครัว คุณยายดูเหงาเล็กน้อย เพราะน้องสาว ไปเรียนต่อที่อื่นหมด คนทำความสะอาดบ้านก็เป็นเพียงลูกจ้าง ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหาย

เมื่อไปถึงเป็นเวลาค่อนข้างเย็นทำให้แสงเหลือไม่มากนัก ข้าพเจ้าจึงถ่ายรูปได้ไม่มากเท่าที่ควร และถึงถ่ายไปก็ไม่สวยเท่าที่ตาเห็น
ข้าพเจ้าจึงเดินสำรวจไปทั่ว สังเกตเห็นประตูบานเลื่อนบานใหญ่ที่ประตูครัว ซึ่งเหมือนบ้านสมัยใหม่ที่นิยมทำในรูปแบบโมเดิร์น

ก่อนจะจากกัน คุณยายก็พูดอย่างน่ารัก และดูเหงาๆว่า พรุ่งนี้จะมาอีกมั๊ย….
ข้าพเจ้าไม่กล้ารับปากเนื่องจากข้าพเจ้ารู้ดีว่า ข้าพเจ้าจะไม่ได้กลับมา คุณยายจึงบอกว่าให้ส่งจดหมายมาหากัน ส่งรูปที่ถ่ายด้วยกันมาให้ดูด้วยก็ได้ หลังจากอัดรูปแล้ว ข้าพเจ้าส่งให้คุณยาย

ที่อยู่ 48 บ้านมะกอก ม.4 ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
อาหารค่ำมื้อนี้ อาจารย์จิ๋วพาไปทานอาหารพื้นเมือง ทั้ง แกงฮังเล น้ำพริกหนุ่ม แหนม ผักลวกจิ้มน้ำพริกอ่อง อร่อยมาก

อิ่มหนำสำราญ หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ได้เวลานอนของเด็กๆแล้ว…..

________________________________________________________________________

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2552

วันนี้ที่แรกคือ พระวิหารหอคำหลวง

วัดนี้มีการใช้ใบตองตรึงมาทำเป็นหลังคาศาลา
ด้านข้าง มีธงปักอยู่ในไม้ไผ่สาน ดูเข้ากับศาลาได้อย่างน่าแปลกใจ และทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วย

โรงแรม ยูเชียงใหม่
โรงแรมที่มีสัดส่วนของด้านหน้าสวยงามเข้ากับสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น และสมัยใหม่เข้าด้วยกัน

ระหว่างทาง ข้าพเจ้าและอาจารย์ได้เข้ามาแวะ Chocolate Factory

(ชอคโกแลตอร่อยจริงๆ ข้าพเจ้าการันตี)

วัดทุ่งอ้อ

เป็นวัดที่เหลือเชื่อมาก ที่อาจารย์สามารถหาเจอได้ เนื่องจาก ถ้าขับรถผ่านมาด้วยตัวเองแล้ว ไม่อาจทราบได้เลยว่าจะมีวัดอยู่ในนี้ เมื่อเข้าไปก็เจอวัดขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ทว่าองค์ประกอบกลับดู oversize และลานกว้างด้านหลัง (หรือด้านหน้า? ข้าพเจ้านับทางที่ตัวเองเข้าเป็นด้านหน้า แต่ดูเหมือนจะเป็นด้านหลังของวัด)

ส่วนด้านหลังวัดของข้าพเจ้า(หรือด้านหน้าจริงๆของวัด) ก็เต็มไปด้วยป่าไม้ยืนต้น

มื้อเที่ยงไปกินข้าวซอยฟ้าอ่าม
ชื่อร้านเป็นข้าวซอย แต่ข้าพเจ้าสั่ง ขนมจีนน้ำเงี้ยว(ที่ไม่เคยลองชิมของจริง)

กลับขึ้นรถ !!

วัดอินทราวาส(ต้นเกว๋น) อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ต้นเกว๋น เป็นชื่อของต้นไม้ล้านนาชนิดหนึ่ง ที่มีในบริเวณวัด ลานทรายกว้าง ตัดขอบคมกริบกับหญ้าเป็นจุดเด่นแรกที่มองเห็นเมื่อเดินเข้ามาภายในพื้นที่วัด หน้าจั่วมีลวดลายสวยงาม
วัดนี้ได้รางวัล อาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม มีการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วกว่า 6 ครั้ง รวมถึงกรมศิลปากรก็มีการทำการบุรณะให้ด้วย
เมื่อเข้าไปข้างใน อาจารย์จิ๋วก็ให้สังเกต เสปซ ที่มองจากข้างนอกเข้าไป กับข้างในออกมา
เมื่อมองจากข้างนอกเข้าไป เสปซจะดูลื่นไหล ค่อยๆเข้าไปเรื่อยๆ ไม่ติดขัด

แต่พอเข้าไปด้านในแล้วมองออกมา จะเริ่มรู้สึกว่า เสปซมีการแบ่งไว้อย่างชัดเจน ด้วยตัวเพดานที่ลดหลั่นลงมา ถูกตัดด้วยแสง และเงาที่เกิดขึ้น ทำให้แบ่งเสปซด้านในไว้ถึง สาม ที่ด้วยกัน ออกจะอธิบายยาก ต้องเขาไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ

ขณะเดินผ่าน ก็ไปเจอบ้านที่มีฟาสาดเท่สุดๆ อาจารย์น้ำบอกว่า ครั้งก่อนที่มาทริปก็ยังเป็นแบบนี้อยู่

โรงแรมราชมังคลา

โรงแรมที่มิกซ์ความสมัยใหม่ และเก่าเข้าด้วยกัน ทั้งล้านนา ไทย และจีนด้วย

หน้าต่างบางส่วน ได้มาจาก วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม(พระบรมธาตุดอนเต้า) อ.เมือง จ.ลำปาง และนำมาดัดแปลงให้เข้ากับโรงแรม

ร้านอาหารที่มีกลิ่นอายของความเป็นจีน ด้วยโคมไฟ บรรยากาศไฟสีสลัวๆ ถึงจะไม่ได้ทานอาหารที่นี่ แต่ก็พอเดาได้ว่ารสชาติอาหารคงไม่ทำให้ผิดหวัง

ด้านบนของลอบบี้ มีพิพิธพัณขนาดย่อม แต่ไม่สามารถถ่ายรูปออกมาได้

ร้านอาหารยอดแย่ ในไนท์บาซ่า

มีผู้ชายยืนเรียกแขกอยู่หน้าร้าน เห็นเพื่อนกลุ่มแรกเข้าไปนั่งกินก่อนก็เลยเข้าไปตาม แล้วจู่ๆเพ่อนที่มาสมทบก็บอกว่า ร้านข้างๆบอกให้ระวังเรื่องราคา ก็ไม่คิดว่าจะอะไรมาก ตอนสั่งก็ดูราคากันตลอด

แต่พออาหารมาเท่านั้น ข้าวหมูแดง จานละ 60 บาท มีหมูขนาดย่อม 4 ชิ้น วางกระจุก ราดน้ำมาแบบรีบเร่ง แตงกวาหั่นเน่าๆ ขิงดองแปะมาข้างๆ ผักชีโรยหน้าแบบไม่ใส่ใจ ……….และจานอื่นๆที่ไม่อยากอธิบาย
ขอเอาหน้าผู้ชาย และร้านคนนี้มาแปะให้คนอื่นได้เห็น เผื่อจะได้ไม่ต้องเป็นเหยื่อรายต่อไป


สภาพหน้าร้านที่เหมือนจะขายทุกอย่างที่จะโกยเงินได้ (คนที่เรียกแขกหน้าร้านเป็นผู้ชายบอกว่า ที่นี่เจ้าของร้านทำเองทุกจาน แต่พอเดินเข้าไปดูเข้าใจว่า เจ้าของร้านคงทำเองจริงๆ ทำทิ้งไว้เป็นหม้อๆ ใครมาก็ตักราดๆ เย็นๆชืดๆในเวลา 5 นาที พอบอกว่าอะไรยังไม่ทำก็ไม่เอา ก็บอกว่าเสร็จหมดแล้ว แต่ข้างในยังไม่ตักข้าวเลย ตักและทำกันให้เห็นต่อหน้าต่อตา)
บะหมี่เป็ดย่างจานละ 100 บาท

แพงไม่ว่า แต่มันดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

เกิดอาการเซ็งเชียงใหม่ไปตามๆกัน
______________________________________________________

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม 2552

วันนี้พวกเราเริ่มต้นการเดินทางไปยังศูนย์วัฒนธรรม อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่

นั่งฟังเล็กเชอร์ในเรือนไทลื้อ เพื่อของข้าพเจ้าเดินไปเหยียบเข้ากับไม้ผุ จนแผ่นกระดานหล่นลงไป อันตราย ดีที่เป็นแผลถลอกเล็กน้อย แต่ก็ยังน่ากลัวบาดทะยักเพราะมีตะปูเก่าๆขึ้นสนิม

ศูนย์สาธิตและถ่ายทอดภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านล้านนา (ร่วมกับ ม.เชียงใหม่)เป็นเรือนทรงปั้นหยา

ขับรถผ่านหมู่ บ้านหาดผาคัน
หลังจากนั้นก็แวะตามหมู่บ้านจนหมดวัน
ที่นี่มีทุ่งนามากมายให้เห็น รวมทั้ควายและชาวนาที่กำลังไถนาอยู่(ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ที่ภาคใต้ไม่ค่อยได้เห็นภาพเช่นนี้)

ในหมู่บ้านมีบ้านพื้นถิ่นแบบต่างๆ ผนังแบบตีไม้ระแนง ฝาแบบจักรสาน

วิถีชาวบ้านที่ยังซักผ้าในลำธาร(ฝาย)

และเหล่าปาปารัชชี่(จริงๆแล้วกำลังถ่ายฝายอีกด้าน) ที่นี่มีฝายเก็บน้ำ ข้าพเจ้าคิดว่าคงเก็บน้ำไว้ใช้กับการทำนา หรือใช้ในหน้าแล้ง

ระหว่างทางข้าพเจ้าได้ผ่านบ้านของคุณปู่ที่ทำไม้ตีแมลงวันขาย อาจารย์น้ำก็นั่งคุยกับคุณปู่ซักครู่และชมว่าบ้านของคุณปู่สวย
หน้าตาของไม้ตีแมลงวันที่นี่แปลกดีทีเดียว เป็นไม้สานกัน แต่ที่ข้าพเจ้าเคยใช้นั้นเป็นพลาสติก

บ้านของคุณปีประณีตมากทีเดียว แค่บันไดก็ดูมั่นคงแข็งแรงมากแล้ว และยังมีการทำลวดลายไว้อย่างสวยงาม

และยังไปเจอบ้านที่มีเสปซด้านในสวยงาม ด้วยการเล่นเสต็ปลดหลั่นกัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนนั่งเล่น ชานบ้าน หรือห้องนอน

การใช้ความรู้สึกที่เกิดจากเสาเหลี่ยมและเสากลม ทำให้ ไม่รู้สึกอึดอัด หรือเหมือนกับอยู่ในกรอบ เพราะถ้าเสากลมนีกลายเป็นเสาเหลี่ยม จะทำให้รู้สึกเหมือนเกิดเป็นห้องขึ้นมา และไม่รู้สึกว่า เสปซโฟลว์ไปเหมือนการใช้เสากลม

บ้านที่กำลังจะก้าวเดิน!!

วัดพระศรีรัตนมหาธาติเชลียง
แต่เมื่อไปถึงเป็นเวลาค่ำมากแล้ว มองไม่เ็ห็นอะไร จึงตกลงกันว่า พรุ่งนี้จะมาใหม่ เวลา ตี 5 !!!
แค่คิดก็ง่วงแล้ว

_____________________________________________________________________________________


Leave a Comment so far
Leave a comment



Leave a comment